หลังจากที่มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับการเปลี่ยนชื่อ iOS ล่าสุดในงาน WWDC 2025 Apple ก็ได้ยืนยันแล้วว่าเวอร์ชันใหม่ของระบบปฏิบัติการจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น iOS 26 อย่างเป็นทางการ โดยนอกจาก iPhone แล้ว ยังมีการเปิดตัวระบบใหม่สำหรับ iPad, Mac, Apple Watch และ Apple TV อีกด้วย

บทความนี้จะพาคุณไปดูว่า iOS 26 มีอะไรใหม่ บ้าง ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์เด่นหรือการออกแบบใหม่ที่น่าสนใจ พร้อมทั้งเช็กรายชื่อ iOS 26 รุ่นที่รองรับ ว่า iPhone รุ่นไหนสามารถอัปเดตได้บ้าง เตรียมตัวก่อนใช้งานจริงได้เลย

iOS 19 รุ่นที่รองรับ

ทำไม iOS 19 ถึงถูกเปลี่ยนชื่อเป็น iOS 26?

Apple ได้ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อระบบปฏิบัติการจาก iOS 19 เป็น iOS 26 อย่างเป็นทางการในงาน WWDC 2025 ที่จัดขึ้นในเดือนมิถุนายน การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้มีแค่ iOS เท่านั้น แต่รวมถึงทุกระบบในเครือของ Apple เช่น

  • iOS 26 (เดิมคือ iOS 19)
  • iPadOS 26 (เดิมคือ iPadOS 19)
  • macOS 26 (เดิมคือ macOS 16)
  • watchOS 26 (เดิมคือ watchOS 12)
  • tvOS 26 และ visionOS 26

เหตุผลหลักที่ Apple ทำการ iOS เปลี่ยนชื่อ และรวมเวอร์ชันให้เป็นเลขเดียวกัน คือเพื่อแก้ปัญหาความสับสนเรื่องเลขเวอร์ชันที่ไม่ตรงกันในแต่ละระบบ ตัวอย่างเช่น iOS 18, macOS 15, watchOS 12 ที่ออกพร้อมกันแต่คนมักเข้าใจผิดว่าคนละรุ่น การใช้เลข 26 ร่วมกันจึงช่วยให้ผู้ใช้งานและนักพัฒนารับรู้และจดจำได้ง่ายยิ่งขึ้น

iOS 26 เปิดตัวเมื่อไร?

หลายคนอาจสงสัยว่า iOS 26 เปิดตัวเมื่อไร ซึ่งตามกำหนดการของ Apple ในงาน WWDC 2025 ได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่อย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน โดยจะมีการปล่อยเวอร์ชันต่าง ๆ ดังนี้

  • เวอร์ชันเบต้า (Developer Beta):สำหรับนักพัฒนา จะปล่อยในเดือนมิถุนายน 2025

  • เวอร์ชันเบต้าแบบสาธารณะ (Public Beta) :สำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่สนใจทดลอง ใช้งานในเดือนกรกฎาคม 2025

  • เวอร์ชันเต็ม (Official Release):จะปล่อยอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025

เวอร์ชันเบต้านักพัฒนาจะมีข้อผิดพลาดหรือบั๊กมากกว่า จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทดสอบฟีเจอร์ใหม่ ๆ และมีความรู้ด้านเทคนิค ในขณะที่เวอร์ชันเบต้าแบบสาธารณะจะเสถียรกว่า เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่อยากลองใช้ก่อน

ดังนั้น หากคุณอยากเป็นคนแรกที่ได้สัมผัส iOS 26 ควรเตรียมตัวติดตั้งเวอร์ชันเบต้าตามช่วงเวลาที่กำหนดไว้ได้เลย

รู้รายละเอียดการอัปเดต: วิธีติดตั้งไฟล์คำอธิบายเวอร์ชัน iOS 26 เบต้า

iOS 26 รุ่นที่รองรับมีอะไรบ้าง?

iOS 19 จะรองรับเฉพาะ iPhone ที่ใช้ชิป A13 Bionic ขึ้นไปเท่านั้น โดยจะตัดรุ่นที่ใช้ชิป A12 Bionic ออก ซึ่งทำให้ iPhone รุ่นเก่าบางรุ่นไม่สามารถอัปเกรดเป็น iOS 19 ได้

iOS 26 รุ่นที่รแงรับได้แก่:

  • iPhone SE (รุ่นที่ 2 และรุ่นที่ 3)

  • iPhone 11, 11 Pro, 11 Pro Max

  • iPhone 12, 12 mini, 12 Pro, 12 Pro Max

  • iPhone 13, 13 mini, 13 Pro, 13 Pro Max

  • iPhone 14, 14 Plus, 14 Pro, 14 Pro Max

  • iPhone 15, 15 Plus, 15 Pro, 15 Pro Max

  • iPhone 16e, 16, 16 Plus, 16 Pro, 16 Pro Max

  • รวมถึง iPhone 17 ซีรีส์ที่กำลังจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า iPhone XS, XS Max และ XR จะไม่ได้รับการอัปเดตเป็น iOS 29 แต่ Apple ยังคงปล่อยอัปเดตความปลอดภัยสำหรับรุ่นเก่าอยู่เหมือนเช่นเคย เช่น การอัปเดต iOS 16.7.11 ที่เพิ่งปล่อยให้กับ iPhone 8 และ iPhone X เพื่อแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยต่าง ๆ

iOS 26 มีอะไรใหม่?

1 ดีไซน์ UI แบบใหม่หมดจด

หนึ่งในคำตอบสำคัญของคำถามที่หลายคนอยากรู้ว่า iOS 26 มีอะไรใหม่ คือการเปิดตัวดีไซน์ใหม่ในชื่อ Liquid Glass ที่ผสมผสานความสวยงามแบบโปร่งใสและความไหลลื่นในแบบของ Apple ได้อย่างลงตัว การใช้งานจะรู้สึกกลมกลืนในทุกมุมของระบบ และนี่คือไฮไลต์สำคัญ:

การออกแบบใหม่สุดล้ำ

Liquid Glass รวมคุณสมบัติของกระจกใสเข้ากับความเคลื่อนไหวอันเป็นเอกลักษณ์ของ Apple ทำให้หน้าจอล็อก หน้าหลัก ศูนย์ควบคุม และแอพต่าง ๆ ดูโดดเด่นและทันสมัย

การออกแบบใหม่สุดล้


หน้าจอล็อกที่มีชีวิตชีวากว่าเดิม

เวลาบนหน้าจอล็อกจะปรับเปลี่ยนตามรูปภาพและสภาพแวดล้อมรอบตัวแบบไดนามิก เมื่อคุณขยับ iPhone ภาพพื้นหลังจะเคลื่อนไหวแบบ 3 มิติ เสมือนจริง

หน้าจอล็อกที่มีชีวิตชีวากว่าเดิม


ไอคอนแอพแบบใหม่

Apple ปรับดีไซน์ไอคอนแอพให้สอดคล้องกับธีม Liquid Glass โดยมีให้เลือกทั้งแบบไอคอนสีใหม่ เอฟเฟกต์แสงเงา และความคมชัดที่น่าทึ่ง

ไอคอนแอพแบบใหม่


ระบบควบคุมและนำทางที่ไหลลื่น

iOS 26 ปรับปรุงแถบควบคุมและการนำทางให้ง่ายต่อการใช้งาน ช่วยให้คุณจดจ่อกับเนื้อหาได้มากขึ้น และสามารถเข้าถึงเครื่องมือสำคัญได้ทันที

การออกแบบใหม่สุดล้


ความต่อเนื่องของดีไซน์ในทุกอุปกรณ์

Liquid Glass ทำให้การใช้งานในทุกแอพและอุปกรณ์ของ Apple รู้สึกเป็นหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะสลับใช้งานระหว่าง iPhone, iPad หรือ Mac ก็ยังคงความรู้สึกเหมือนอยู่ในระบบเดียวกัน

การออกแบบใหม่สุดล้

2 Apple Intelligence ฉลาดกว่าเดิมในหลายจุด

หนึ่งในไฮไลต์ของ iOS 26 มีอะไรใหม่ คือการพัฒนา Apple Intelligence ให้มีความสามารถมากขึ้น และถูกรวมเข้าในหลายแอพและฟีเจอร์ของระบบ เพื่อช่วยให้คุณสื่อสาร ทำงาน และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ได้อย่างง่ายดายขึ้น

แปลภาษาแบบเรียลไทม์ (Live Translation)

Apple Intelligence ช่วยแปลข้อความในแอพ Messages ได้อัตโนมัติ

  • คำบรรยายแปลสดใน FaceTime
  • ฟีเจอร์แปลเสียงพูดระหว่างโทรผ่านแอพ Phone
  • ไม่ต้องเปลี่ยนแอพก็เข้าใจทุกภาษาได้ทันที

แปลภาษาแบบเรียลไทม์ (Live Translation)


ค้นหาและสั่งงานจากสิ่งที่เห็นได้เลย

ด้วย Visual Intelligence คุณสามารถ:

  • ค้นหาข้อมูลจากสิ่งที่อยู่บนหน้าจอ เช่น ข้อความ รูปภาพ หรืออีเมล
  • เพิ่มกิจกรรมในปฏิทินโดยไม่ต้องพิมพ์เอง
  • ถามคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่คุณเห็น เช่น รายละเอียดสินค้า หรือสถานที่

ค้นหาและสั่งงานจากสิ่งที่เห็นได้เลย


สร้างภาพสุดเฉพาะตัว

ใน Image Playground คุณสามารถ:

  • ผสมอีโมจิกับคำอธิบายเพื่อสร้างภาพใหม่
  • เลือกสไตล์ที่ได้แรงบันดาลใจจาก ChatGPT
  • ใช้ Genmoji สร้างอีโมจิที่เหมือนสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนของคุณ

สร้างภาพสุดเฉพาะตัว


เร่งเวิร์กโฟลว์ให้ไวขึ้น

Apple Intelligence ถูกผสานในแอพ Shortcuts

  • สรุปข้อความอัตโนมัติ
  • สร้างภาพตามคำสั่ง
  • ใช้โมเดล AI ตอบกลับคำสั่งเฉพาะ
  • ทำงานหลายขั้นตอนได้ในคลิกเดียว

เร่งเวิร์กโฟลว์ให้ไวขึ้น

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Apple Intelligence: ฟังก์ชัน Apple Intelligence และการใช้งาน AI มีอะไรบ้าง?

3การสื่อสาร: รบกวนน้อยลง สนุกมากขึ้น

ใน iOS 26 ที่น่าสนใจอีกหนึ่งจุดคือการปรับปรุงฟีเจอร์ด้านการสื่อสารให้ใช้งานสะดวกกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการกรองสายที่ไม่ต้องการ การตรวจจับสแปม หรือการสร้างความสนุกในการแชทกลุ่ม

จัดการสายที่ไม่ต้องการ (Manage unwanted calls)

  • ฟีเจอร์ Call Screening ตอบสายจากเบอร์แปลกแทนคุณ
  • ระบบจะถามชื่อและเหตุผลจากผู้โทรก่อน
  • ถ้าคุณเห็นว่าอยากรับสาย จึงกดรับได้ตามต้องการ

จัดการสายที่ไม่ต้องการ


กรองข้อความและเบอร์ใหม่ (Screen new senders)

  • คัดกรองเบอร์ใหม่ด้วยระบบตรวจจับสแปม
  • คุณสามารถอนุมัติหรือบล็อกผู้ส่งได้เอง
  • ใช้ได้ทั้งในแอพข้อความ โทรศัพท์ และ FaceTime

กรองข้อความและเบอร์ใหม่


ให้แอพโทรศัพท์รอสายแทนคุณ (Hold Assist)

  • ระบบจะคอยรอสายแทนคุณเมื่อโทรหาคอลเซ็นเตอร์
  • เมื่อมีเจ้าหน้าที่รับสาย จะมีการแจ้งเตือนให้คุณทราบ
  • ประหยัดเวลารอและหลีกเลี่ยงความน่ารำคาญ

ให้แอพโทรศัพท์รอสายแทนคุณ


โหวตในกลุ่มแชทได้ (Polls in Messages)

  • สร้างโพลในกลุ่มเพื่อให้เพื่อนร่วมตัดสินใจ
  • ทุกคนสามารถเพิ่มตัวเลือกและร่วมโหวตได้
  • เหมาะสำหรับตัดสินใจเรื่องสำคัญหรือเรื่องสนุก ๆ

โหวตในกลุ่มแชทได้


ตั้งพื้นหลังในการแชท (Add background to chats)

  • เปลี่ยนพื้นหลังการสนทนาให้มีสไตล์
  • เลือกได้ทั้งภาพสวยที่ระบบเตรียมไว้ หรือใช้ภาพของคุณเอง
  • เพิ่มความเป็นตัวเองในการแชท

โหวตในกลุ่มแชทได้

iOS 26 มีอะไรใหม่ในแอพต่าง ๆ?

iOS 26 ยกระดับประสบการณ์การใช้งานแอพต่าง ๆ ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้คุณใช้งานได้สะดวก สนุก และเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น มาดูกันว่าแต่ละแอพมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง

แอพแผนที่ (Maps)

เข้าใจเส้นทางประจำของคุณ

  • Maps เรียนรู้เส้นทางที่คุณใช้เป็นประจำ

  • แจ้งเตือนเมื่อมีเหตุล่าช้าแบบเรียลไทม์

  • ปรับตามพฤติกรรมการเดินทางของคุณอย่างชาญฉลาด

Maps เข้าใจเส้นทางประจำของคุณ


บันทึกสถานที่ที่เคยไป

  • ฟีเจอร์ Visited Places บันทึกสถานที่ที่คุณเคยเยือน

  • ค้นหาคาเฟ่หรือสถานที่โปรดได้ง่าย

  • แชร์ตำแหน่งให้เพื่อนได้ทันที

Maps เข้าใจเส้นทางประจำของคุณ

Apple Music

  • AutoMix ผสมเพลงให้ลื่นไหลแบบดีเจ

  • ปรับจังหวะและความเร็วอัตโนมัติ

  • ฟีเจอร์แปลเนื้อเพลงช่วยให้เข้าใจความหมายของเพลงต่างประเทศได้ง่ายขึ้น

Maps เข้าใจเส้นทางประจำของคุณ

Wallet

  • เพิ่มบัตร ID ดิจิทัลจากหนังสือเดินทางสหรัฐฯ (ยังไม่รองรับบัตรประชาชนไทย)

  • ใช้ที่จุดตรวจ TSA, แอพ หรือใช้งานจริง

  • oarding Pass ใหม่แสดงแผนที่สนามบิน ติดตามกระเป๋า และแชร์ Live Activities ได้

Wallet

แอพ Games

  • อัปเดตทุกความเคลื่อนไหวของเกม

  • ค้นพบเกมใหม่จากที่เพื่อนเล่น

  • แข่งขันกับเพื่อนด้วยการทำคะแนนผ่าน Challenges

แอพ Games

ฟีเจอร์เพื่อการเข้าถึง (Accessibility)

  • รองรับผู้ใช้ Braille อย่างเต็มรูปแบบ

  • Vehicle Motion Cues ลดอาการเมารถ

  • ปรับแต่งประสบการณ์การอ่านได้ละเอียดมากขึ้น

ครอบครัว (Family)

  • โอนบัญชีเด็กไปยังบัญชี Child ได้ง่าย

  • ควบคุมผู้ปกครองรัดกุมยิ่งขึ้น เช่น การจำกัดการสื่อสาร ความปลอดภัย และ App Store

การบันทึกเสียง (Audio Recording)

  • บันทึกเสียงคุณภาพสูงในวิดีโอคอล

  • ใช้ AirPods และ AirPods Pro (ชิป H2) บันทึกเสียงคมชัดผ่านกล้องได้

เตือนความจำ (Reminders)

  • Apple Intelligence แนะนำสิ่งที่ต้องทำจากอีเมลหรือข้อความ

  • จัดกลุ่มรายการโดยอัตโนมัติตามหมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รูปภาพ (Photos)

  • หน้าแอพใหม่ ใช้งานง่ายกว่าเดิม

  • แยกแท็บเป็น Library และ Collections

  • ฟีเจอร์ Spatial Scene เปลี่ยนภาพโปรดให้เป็นภาพ 3 มิติ ด้วยเทคโนโลยีจาก visionOS

กล้องควบคุมด้วย AirPods(AirPods Camera Remote)

  • ดค้างที่ AirPods หรือ AirPods Pro (ชิป H2) เพื่อเริ่มบันทึกวิดีโอทันที

นาฬิกา (Clock)

  • ตั้งเวลาหน่วง (Snooze) ได้ตั้งแต่ 1–15 นาที

  • ปรับแต่งตามความชอบได้ยืดหยุ่นมากขึ้น

CarPlay

  • ใช้ Tapback ตอบข้อความ

  • ติดตาม Live Activities

  • ดูข้อมูลที่จำเป็นในหน้าจอเดียว ช่วยให้ขับขี่ได้ปลอดภัยขึ้น

Journal

  • รองรับหลายบันทึกในแอพเดียว

  • แทรกรูปภาพระหว่างข้อความได้

  • ดูบันทึกทั้งหมดในแผนที่เพื่อย้อนรำลึกตามสถานที่ต่าง ๆ


สรุป

จากบทความนี้ เราได้พาคุณไปรู้จักว่า iOS 26 มีอะไรใหม่ ทั้งในด้านดีไซน์ใหม่แบบ Liquid Glass, ฟีเจอร์ Apple Intelligence ที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น, รวมถึงความเปลี่ยนแปลงในแอพหลัก ๆ อย่าง Messages, Maps, Music, Photos และอีกมากมาย ซึ่งล้วนแต่ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ของผู้ใช้ iPhone

แม้ว่า iOS 26 จะมาพร้อมฟีเจอร์ล้ำสมัยมากมาย แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในช่วงอัปเดต เช่น เครื่องค้างที่โลโก้ Apple, บูตไม่ขึ้น หรือใช้งานบางอย่างไม่ได้ ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในช่วงเบต้าหรือหลังการอัปเดตใหญ่

เพื่อป้องกันหรือแก้ปัญหาเหล่านี้ เราขอแนะนำให้คุณเตรียมตัวไว้ด้วยเครื่องมือกู้คืนระบบ iOS อย่าง iMyFone Fixppo

iMyFone Fixppo

รายการคุณสมบัติของ Fixppo

ดาวน์โหลดได้เลยวันนี้ แล้วอัปเดต iPhone ของคุณเป็น iOS 26 อย่างมั่นใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาซอฟต์แวร์อีกต่อไป