ใครที่ใช้ iPhone คงสังเกตได้ว่า iOS 18/17/16 แบตหมดเร็ว ซึ่งเป็นไปได้ว่าหลังจากอัปเดต iOS 18/17/16 มีฟีเจอร์หลากหลายเพิ่มเข้ามาใน iOS เวอร์ชันนี้ จึงทำให้หลาย ๆ คนค้นหาวิธีประหยัดแบตไอโฟน iOS 18/17/16 และวิธีแก้ไขไอโฟนแบตหมดเร็ว
ทั้งนี้มาดู 16 เคล็ดลับที่ช่วยแก้ไขแบตไอโฟนหมดเร็ว ให้ใช้งานได้นานยิ่งขึ้น มาดูพร้อม ๆ กันเลย
ทําไมแบตไอโฟนหมดเร็ว?
หลังจากอัปเดต iOS มีผู้ใช้งานหลายคน ต่างให้เสียงยืนยันว่าไอโฟนแบตหมดเร็วมาก โดย iPhone แบตหมดไว 50% ภายในเวลาไม่ถึง 30 นาที และลดลงครั้งละ 5% ภายในเวลาไม่กี่นาที ซึ่งปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อรุ่นของ iPhone โดยในรุ่น iPhone เก่า ๆ จะมีอาการแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งไอโฟน 6 แบตหมดเร็วผิดปกติไปเลยทีเดียว
แนวทางการแก้ไข คือ ผู้ใช้ iPhone ที่ยังไม่อัปเดต iOS 18/17/16 อาจจะต้องชะลอก่อน เพื่อให้ทาง Apple อัปเดตแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ iOS เสียก่อน แต่อย่างไรก็ตามวันนี้เราจะมานำเสนอวิธีประหยัดแบตไอโฟน iOS 18/1716 และวิธีประหยัดแบตไอโฟน 13 ขึ้นไป เพื่อยืดอายุการใช้งานและถนอมแบตเตอรี่ได้อีกด้วย
15 วิธีประหยัดแบตไอโฟน iOS 18/17/16 แก้ไอโฟนแบตหมดเร็ว
ในส่วนนี้เราจะมาเผย 15 เคล็ดลับวิธีประหยัดแบตไอโฟน สำหรับผู้ที่อัปเดต iOS 18/17/16 เพื่อแก้ไขปัญหา iOS 18/17/16 แบตหมดเร็ว รวมถึงแก้ไขปัญหาแบตไอโฟนลดเองได้เช่นกัน
- จำกัดเวลาและความถี่ที่แอปฯจะเข้าถึงตำแหน่ง
- จำกัดแอปฯไม่ให้ใช้บลูทูธ
- เปิดโหมดพลังงานต่ำ
- เปิดใช้งานโหมดเครื่องบิน
- ตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่
- จัดการแอปฯที่ใช้แบตมากจนเกินไป
- จำกัดกิจกรรมพื้นหลัง
- ปิดการแจ้งเตือน
- ปิดการดาวน์โหลดอัตโนมัติและการอัปเดตแอป
- เปิดใช้งาน Dark Mode
- ลดความสว่างอุปกรณ์
- จำกัดการใช้แกดเจ็ต
- ปิดการสั่นและการตอบสนองแบบสัมผัส
- ปิดติดตามการออกกำลังกาย
- รีเซ็ตการตั้งค่า iPhone อีกครั้ง
1 จำกัดเวลาและความถี่ที่แอปฯจะเข้าถึงตำแหน่ง
การตั้งค่าไม่ให้แอปฯติดตาม หรือเข้าถึงตำแหน่ง ส่งผลดีต่อความเป็นส่วนตัว และส่งผลดีต่อแบตเตอรี่อีกด้วย โดยมีขั้นตอนในการตั้งค่าจำกัดเวลาและไม่ให้แอปฯเข้าถึงตำแหน่ง ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1: เปิด “การตั้งค่า” บน iPhone > “ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย” > แล้วกดแตะ “บริการหาตำแหน่งที่ตั้ง”
ขั้นตอนที่ 1: เลือกแอปฯที่ต้องการแก้ไขการตั้งค่า โดยมี 4 ตัวเลือก คือ ไม่เลย/ถามฉันในครั้งต่อไป/ขณะใช้แอปฯ และทุกครั้ง
ทั้งนี้การอนุญาตให้แอปฯเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งตลอดเวลา ไม่ว่าจะเปิดใช้งานไอโฟนหรือไม่ก็ตาม จะทำให้แบตไอโฟนหมดเร็ว ดังนั้นควรจำกัดแอปฯให้เข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งให้น้อยที่สุด แต่หากปิดการเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้ง อาจจะส่งผลต่อแอปฯ Maps ได้ ทำให้หลาย ๆ คนเลือกที่จะไม่ปิดฟังก์ชันนี้
2 จำกัดแอปฯไม่ให้ใช้บลูทูธ
นี่เป็นอีกเคล็ดลับที่ไม่ควรมองข้าม คือ การเปิดบลูทูธ ซึ่งจะทำให้บางแอปฯเข้าเชื่อมต่อบลูทูธอัตโนมัติ ส่งผลให้ไอโฟนแบตหมดเร็วได้ โดยมีวิธีแก้ไขดังนี้
ขั้นตอนการแก้ไข :ไปที่ “การตั้งค่า” ใน iPhone > แตะ “บลูทูธ” > ตรวจสอบว่าฟังก์ชัน “บลูทูธ” ปิดหรือไม่ หากเปิดอยู่ให้คุณปิดบลูทูธ เพื่อให้ไอโฟนใช้งานได้นาน ไม่ให้ iPhone แบตหมดไวจนเกินไป
3 เปิดโหมดพลังงานต่ำ
แน่นอนว่าหาก iPhone แบตเตอรี่ต่ำกว่า 20% จะมีฟีเจอร์ให้คุณเปิดใช้งานโหมดพลังงานต่ำขึ้นมา แต่คุณก็สามารถเปิดโหมดพลังงานต่ำได้เอง ทั้งที่แบตเตอรี่เยอะอยู่ก็ตาม เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานยิ่งขึ้น โดยมีวิธีเปิดโหมดพลังงานต่ำ ดังนี้
ขั้นตอนการแก้ไข: เปิด “การตั้งค่า” > เลื่อนลงมาแล้วแตะ “แบตเตอรี่” > เปิด “โหมดประหยัดพลังงาน” จากนั้นไอคอนแบตเตอรี่ด้านมุมขวาบนจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ช่วยแก้ปัญหา iOS 18/17/16 แบตหมดเร็วได้ดี
4 เปิดใช้งานโหมดเครื่องบิน
เมื่อคุณอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณ Wi-Fi และเครือข่ายมือถือ แน่นอนว่า iPhone ยังคงทำงานอยู่เสมอ เพื่อค้นหาสัญญาณที่สามารถเชื่อมต่อได้ ทำให้ไอโฟนแบตหมดเร็วนั่นเอง
ซึ่งหากคุณมีปัญหาเรื่องสัญญาณหรือเครือข่าย ควรเปิดใช้งานโหมดเครื่องบิน เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ให้มากที่สุด จึงค่อยไปเปิดใช้งานมือถือตามปกติในพื้นที่ที่มีสัญญาณ Wi-Fi และเครือข่ายมือถือที่เสถียรแล้ว
5 ตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่
ในบางกรณีที่ iOS 18/17/16 แบตหมดเร็ว หรือบางคำถามที่ว่า iPhone 14 Pro แบตหมดเร็ว ซึ่งเป็นไปได้ว่าสุขภาพแบตเตอรี่ของไอโฟนกำลังแย่ หรือที่เรียกว่า “แบตเสื่อม” และยิ่งใครที่ซื้อมือสองมาละก็ คงจะได้รับแบตเตอรี่ที่ไม่มีประสิทธิภาพ โดยคุณสามารถเข้าไปตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่ได้ดังนี้
ขั้นตอนการแก้ไข: เปิด “การตั้งค่า” > “แบตเตอรี่” > แตะ “สุขภาพแบตเตอรี่” ตรวจสอบดูว่าความจุสูงสุดต่ำกว่า 80% หรือไม่? หากต่ำกว่า 80% ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่
ใอย่างไรก็ตาม ทาง Apple ได้แนะนำเกี่ยวกับการถนอมแบตเตอรี่ คือ หลีกเลี่ยงเครื่องใช้งานในที่อุณหภูมิสูง ป้องกันการเสียหายจากความร้อน รวมถึงความเย็นจัดเช่นกัน และในบางรุ่นจำเป็นต้องถอดเคสชาร์จ เพื่อระบายความร้อนขณะชาร์จแบตเตอรี่ ช่วยแก้ปัญหา iPhone 14 Pro แบตหมดเร็วได้ดีเลยทีเดียว
6 จัดการแอปฯที่ใช้แบตมากจนเกินไป
ในส่วนของการจัดการแอปฯ จะบ่งบอกว่าคุณใช้งานแอปฯไหน และใช้แบตเตอรี่มากไปหรือไม่ สามารถตอบข้อสงสัยที่ว่า ทําไมแบตไอโฟน 11 หมดเร็ว
คุณสามารถตรวจดูสถิติการใช้แบตเตอรี่ โดยไปที่ “การตั้งค่า” > “แบตเตอรี่” จากนั้นก็เลื่อนดูกราฟในช่วง 24 ชั่วโมง หรือ 10 วันที่ผ่านมา เพื่อดูว่าแอปฯไหนที่ใช้แบตเตอรี่มากที่สุด
หากคุณไม่ต้องการให้ใช้แบตมากจนเกินไป สามารถลบทิ้ง เพื่อเป็นการแก้ปัญหาไอโฟน 11 แบตหมดเร็ว และนำไปใช้จัดการแอปฯ ไอโได้เช่นกัน
7 จำกัดกิจกรรมพื้นหลัง
การรีเฟรชแอปฯในเบื้องหลัง อาจส่งผลต่ออายุของแบตเตอรี่ ซึ่งการปิดแอปฯไม่ให้ทำงานเบื้องหลัง จะช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ได้ และเป็นการแก้ปัญหา iPhone แบตหมดไวได้ดีอีกด้วย
ขั้นตอนการแก้ไข: เปิด “การตั้งค่า” ใน iPhone > “ทั่วไป” > “ดึงข้อมูลแอปอยู่เบื้องหลัง” > กดปิดการใช้งานดึงข้อมูลแอปอยู่เบื้องหลัง เพื่อเป็นการประหยัดแบตเตอรี่ให้ใช้ได้นานมากยิ่งขึ้น
8 ปิดการแจ้งเตือน
ทุกครั้งที่ไอโฟนของคุณ มีข้อความแจ้งเตือน จะทำให้หน้าจอสว่าง ซึ่งเป็นการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ เป็นผลทำให้ไอโฟนแบตหมดเร็ว ดังนั้นควรทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ เพื่อปิดการแจ้งเตือน
ขั้นตอนการแก้ไข: เปิด “การตั้งค่า” ใน iPhone > “การแจ้งเตือน” > เลือกปิดข้อความแจ้งเตือนในแอปฯที่ต้องการ
9 ปิดการดาวน์โหลดอัตโนมัติและการอัปเดตแอป
หากแบตไอโฟน 13 หมดเร็ว คุณคงไม่ต้องการให้ iPhone ใช้งานโดยอัตโนมัติ เช่น ดาวน์โหลดแอปฯอัตโนมัติ และการอัปเดตซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ซึ่งคุณควรปิดการดาวน์โหลดอัตโนมัติ ดังนี้
วิธีปิดการอัปเดตซอฟต์แวร์อัตโนมัติ:
เปิด “การตั้งค่า” ใน iPhone > “ทั่วไป” > แตะ “รายการอัปเดตซอฟต์แวร์” > ปิดรายการ “อัปเดตอัตโนมัติ”
วิธีปิดการอัปเดตแอปฯอัตโนมัติ:
เปิด “การตั้งค่า” ใน iPhone > “App Store” > ดูในส่วน “รายการดาวน์โหลดอัตโนมัติ” > ปิดฟังก์ชัน “รายการดาวน์โหลดแอป” และ “รายการอัปเดตแอปฯ” เป็นอันเสร็จสิ้น
10 เปิดใช้งาน Dark Mode
หน้าจอของ iPhone X ขึ้นไป จะมีการแสดงผลที่มีคุณภาพ ส่งผลให้ไอโฟน 11 แบตหมดเร็ว และ iPhone 13 แบตหมดเร็ว ซึ่งการเปิดใช้งานโหมดมืด หรือ Dark Mode จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้มากขึ้น โดยมีขั้นตอนในการเปิดโหมดมืด ดังนี้
ขั้นตอนการแก้ไข: ไปที่ “การตั้งค่า” > “จอภาพและความสว่าง” > เปิดใช้งาน “Dark Mode”
11 ลดความสว่างอุปกรณ์
การที่คุณใช้งานหน้าจอที่มีความสว่างมากจนเกินไป จะส่งผลโดยตรงต่อแบตเตอรี่ ทำให้แบตหมดเร็วไอโฟน หรือ iOS 18/17/16 แบตหมดเร็วนั่นเอง
คุณสามารถปรับความสว่างผ่านศูนย์ควบคุม iPhone ให้สอดคล้องกับแสงสว่างในขณะนั้น
12 จำกัดการใช้แกดเจ็ต
สำหรับใครที่อัปเดต iOS เป็นเวอร์ชัน iOS 18/17/16 จะมีระบบแกดเจ็ต หรือ Gadget ซึ่งหลาย ๆ คนจัดทำเพื่อความสะดวกในการใช้งาน และเพื่อความสวยงามบนหน้าจอ แต่ทั้งนี้หากมี Gadget ที่มากจนเกินไป จะทำให้แบตไอโฟนหมดเร็ว ซึ่งคุณสามารถลบแกดเจ็ตที่ไม่จำเป็นออกได้ โดยให้กด Widget ค้างไว้ จากนั้นกดลบ เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ได้มากขึ้น
13 ปิดการสั่นและการตอบสนองแบบสัมผัส
เมื่อ iPhone ของคุณมีข้อความแจ้งเตือน จะทำให้ iPhone ของคุณสั่นหรือต้องตอบสนองด้วยการสัมผัส ส่งผลให้ชิปประมวลผลของ Apple ทำงานอยู่เสมอ ซึ่งหากปิดการสั่นและการตอบสนองแบบสัมผัส จะช่วยให้แบตเตอรี่หมดช้าลง แต่ทั้งนี้ถ้าปิดฟังก์ชันนี้แล้วละก็ คุณจะไม่รู้สึกถึงการสั่น หากมีข้อความหรือการโทรเข้ามา
ขั้นตอนการแก้ไข: ไปที่ “การตั้งค่า” > “เสียงและการสั่น” > เลื่อนลงมาปิด “การสั่นจากระบบ”
14 ปิดติดตามการออกกำลังกาย
iPhone มีระบบตรวจจับการเปลี่ยนแปลงทั้ง ไจโรสโคป บารอมิเตอร์ และเข็มทิศ รวมถึงตรวจจับการเคลื่อนไหวต่าง ๆ อีกทั้งตรวจจับการออกกำลังกายได้เช่นกัน แม้ว่าฟังก์ชันติดตามการออกกำลังกาย จะประหยัดแบตเตอรี่ แต่หากไม่มีความจำเป็นในการติดตาม ก็สามารถปิดใช้งาน เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ได้มากยิ่งขึ้น โดยให้ไปที่ “การตั้งค่า” > “ความเป็นส่วนตัว” > “การเคลื่อนไหวและฟิตเสน” > ปิด “การติดตาม”
15 รีเซ็ตการตั้งค่า iPhone อีกครั้ง
หากคุณต้องการปิดการตั้งค่าที่ใช้พลังงานสูงทั้งหมด และปิดได้อย่างรวดเร็ว ให้คุณดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้
ขั้นตอนการแก้ไข: เปิด “การตั้งค่า” > “ทั่วไป” > “ถ่ายโอนหรือรีเซ็ต” > กดเลือก “รีเซ็ตการตั้งค่าทั้งหมด” หลังจากรีเซ็ตแล้ว iPhone ของคุณจะถูกตั้งค่าให้เป็นค่าดั้งเดิมจากโรงงาน
แก้ไขไอโฟนแบตหมดเร็วที่เกิดจากปัญหาของระบบ
หลังจากอัปเดต iOS 18/17/16 แบตหมดเร็วทันที บางครั้งอาจเกิดจากระบบ iOS ล้มเหลว และทำงานผิดปกติ เช่น แบตเตอรี่ร้อนกะทันหัน เป็นต้น ซึ่งในปกติแล้วไม่สามารถแก้ไขประเภทนี้ด้วยการรีสตาร์ท iPhone และยิ่งนำไปคืนค่าด้วย iTunes ก็เสี่ยงที่จะทำให้ข้อมูลสูญหายได้
โดยเราขอแนะนำเครื่องมือที่ช่วยแก้ปัญหา iOS 18/17/16 แบตหมดเร็ว และไอโฟนแบตหมดเร็วที่เกิดจากระบบ iOS นั้นก็คือ “iMyFone Fixppo” ไม่ทำให้ข้อมูลสูญหาย และแก้ไขปัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว เช่น หน้าจอค้าง , อัทเดท iOS ไม่ได้ หรือ ไอโฟนหน้าจอเขียว อีกทั้งรองรับการใช้งาน iPhone ทุกรุ่น
ขั้นตอนที่ 1: โหลดและติดตั้งเครื่องมือ “iMyFone Fixppo” ลงบนคอมพิวเตอร์ และกดคลิก “โหมดมาตรฐาน” จากนั้นเชื่อมต่อ iPhone เข้ากับคอมพิวเตอร์
ขั้นตอนที่ 2: หลังจากนั้นกดคลิกปุ่ม “เริ่ม” เครื่องมือจะทำการจับคู่และค้นหาเฟิร์มแวร์ที่เข้ากับ iPhone รุ่นนั้น ๆ
ขั้นตอนที่ 3: ใช้เวลารอไม่นาน เครื่องมือจะติดตั้งเฟิร์มแวร์ให้อัตโนมัติ และแก้ไขปัญหา iOS 18/17/16 แบตหมดเร็วได้อย่างง่ายดาย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ iPhone แบตหมดไว
1ทำไมแบตเตอรี่ iPhone ถึงหมดเร็วเกินไป?
เมื่อคุณสังเกตได้ว่า iPhone แบตหมดไว อาจเกิดขึ้นได้ 2 ประการ คือ แบตเตอรี่กำลังเสื่อมสภาพ หรือการใช้พลังงานจากซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ซึ่งคุณสามารถดูเคล็ดลับวิธีประหยัดแบตไอโฟน iOS 18/17/16 และทำตามขั้นตอนได้ง่าย ๆ
2แบตเตอรี่ iPhone มีระยะใช้งานได้นานไหม?
การใช้งานของ iPhone จะมีระยะการใช้งานแตกต่างกัน แต่หากข้อมูลจาก Apple โทรศัพท์ iPhone 5 เมื่อชาร์จเต็มแล้ว สนทนาได้นาน 8 ชั่วโมง ใช้อินเทอร์เน็ต 3G และ Wi-Fi ได้นานถึง 10 ชั่วโมง และดูวิดีโอ 10 ชั่วโมง หรือใช้เสียงได้นาน 40 ชั่วโมง
3จะรู้ได้อย่างไรว่าแบตเตอรี่ iPhone ใกล้หมด?
หากคุณพบว่าแถบแสดงแบตเตอรี่เกินผิดปกติ ไม่สามารถตรวจสอบว่าแบตเตอรี่ใกล้หมดหรือไม่ บางครั้งมันจะเกิดขึ้น iPhone ชาร์จแบตไม่ได้ ให้คุณเข้าไปที่ “การตั้งค่า” > “แบตเตอรี่” สามารถดูได้ว่าแบตเตอรี่ของคุณมีกี่เปอร์เซ็นต์ เพื่อคำนวนแบตเตอรี่ในการใช้งาน และรับมือเรื่องไอโฟนแบตหมดเร็วได้ดี
บทสรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับบทความนี้ เราหวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้คุณได้มากและไม่น้อย เพื่อแก้ไขปัญหา iOS 18/17/16 แบตหมดเร็ว ซึ่งหากเป็นที่ระบบ iOS ผิดพลาดหรือล้มเหลว เราขอแนะนำให้ใช้เครื่องมือ “iMyFone Fixppo” สามารถแก้ไขแบตไอโฟนหมดเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อมูลปลอดภัย และรวดเร็วอีกด้วย